ถูกวิญญาณยักษ์ทดลองภูมิจิต

2

พระอาจารย์บุญเดชได้เดินทางมุ่งสู่ภูลังกาดินแดนอาถรรพ์ แล้งจึงหยุดพักที่ภูเขาแห่งนี้ วันหนึ่งขณะนั่งสมาธิภาวนาก็ได้ทราบทางจากนิมิตพบวิญญาณยักษ์ มีรูปร่างสูงใหญ่โตมโหฬารเท่าต้นตาล ปรากฏกายให้พระอาจารย์บุญเดชทราบทางสมาธิจิต ภูมิเจ้าที่ภูเขาภูลังกาซึ่งเป็นวิญญาณยักษ์ใหญ่ผู้เป็นเจ้าถิ่นได้ปรากฏตัวต่อหน้าพระอาจารย์บุญเดช ได้เอ่ยแสดงความโอหังไม่ยอมให้ท่านพำนักบนภูเขาถิ่นนี้ เนื่องจากก่อนหน้านี้บริเวณวัดถ้ำแสงธรรม ผู้ใดจะปฏิบัติธรรมอยู่ ณ ดินแดนแห่งนี้ก็มักจะมีอันเป็นไปต่างๆนานา จึงไม่สามารถปฏิบัติธรรมบนภูเขาแห่งนี้ วิญญาณยักษ์ใหญ่จึงได้แสดงความเป็นเจ้าของดินแดนแห่งนี้ด้วยการขับไล่พระอาจารย์ลงจากเขา พระอาจารย์บุญเดชจึงได้ทำการตกลงกับภูมิวิญญาณเจ้าถิ่น

“งั้นต้องสู้กัน ถ้าใครแพ้ ผู้นั้นต้องลงจากภู ถ้าเราแพ้เราจะลงจากภูลูกนี้ ถ้าเราชนะ เจ้าต้องลงจากภูเขาลูกนี้ ตกลงไหม? ถ้าเราชนะเจ้าเราจะดูแลสร้างเป็นวัดวาศาสนาพร้อม”

เมื่อได้ตกลงคำสัญญากับวิญญาณยักษ์ก็ตอบตกลงกัน ด้วยการต่อสู้ดวลกระสุนฝ่ายละ ๓ นัด พระอาจารย์บุญเดชก็เกิดวิตกขึ้นมา “แล้วเราจะเอาอะไรยิงหนอ” สักพักจิตได้นิมิตปรากฏเห็นธรรมาสน์โดยมีรูปพญานาคขนาบทั้งสองข้างโผล่หัวออกนอกธรรมาสน์

ในนิมิตนั้นพระอาจารย์บุญเดชจึงได้เข้าไปนั่งในธรรมาสน์ในรูปทรงพญานาค โดยด้านข้างทั้งสองมีกระสุนข้างละ ๑ นัด ด้านหน้าก็มีกระสุนอีก ๑นัด รวมเป็น ๓ นัดพอดี ในนิมิตนั้นได้มองเห็นมีจำพวกพราหมณ์ พระเณร ทหาร ตำรวจเป็นจำนวนมากเต็มไปหมดเหมือนได้ทราบข่าวการต่อสู้เพื่อเอาชนะวิญญาณยักษ์ใหญ่ตนนี้ลงให้ได้ ทางฝ่ายวิญญาณยักษ์ใหญ่ก็มีจำพวกภูตผีปีศาจอสุรกายจำนวนมากได้เดินทางมาเชียร์ให้กำลังใจยักษ์ฝ่ายมารของพวกตน การต่อสู้ระหว่างภิกษุหนุ่มผู้มุ่งมั่นกำราบกิเลสในจิตกับยักษ์ตนใหญ่ผู้จองหองก็ได้เปิดศึกชิงความเป็นผู้ชนะ  ระหว่างธรรมกับอธรรมด้วยน้ำใจนักเลงเสียสละ พระอาจารย์บุญเดชจึงได้บอกกับวิญญาณยักษ์ใหญ่ “เอ้า ให้เจ้ายิงก่อนเลย” ทันใดนั้นพระอาจารย์บุญเดชก็ได้ยินเสียงเตือน “กดปุ๊ปเลย ลูกปืนจะพุ่งออกมาจากพญานาคทันทีเลย อย่าว่าแต่ยักษ์เลย แม้แต่ภูเขาทั้งลูกก็ยังละลาย”

เมื่อพระอาจารย์บุญเดชได้ยินเสียงดังนั้น เลยได้เกิดกำลังใจฮึกเหิม เข้มแข็ง ยักษ์ตนนั้นจึงได้ส่งปากกระบอกปืนใหญ่ซึ่งบรรจุลูกกระสุนไว้พร้อม กดไกกระบอกปืนบึ้ม ลูกกระสุนขนาดใหญ่พุ่งออกจากกระบอกปืน ก็ปืนพุ่งทะยานสีแดง วูบๆวาบๆ พุ่งตรงดิ่ง เข้าหาร่างพระอาจารย์บุญเดชจวนจะถึงร่าง ก็ปรากฏว่าลูกกระสุนใหญ่แดงโร่ได้หันเหทิศทางออกไปทางด้านขวา พระอาจารย์บุญเดชก็ยังนิ่งเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอีกครั้งในการยิงกระสุนปืนของยักษ์ตนใหญ่ตามที่ได้ตกลง กระสุนของวิญญาณยักษ์ใหญ่เหลืออีก ๑ นัด ยักษ์ตนนั้นจึงได้ตัดใจยิงกระสุนนัดสุดท้ายกะว่าเล็งคราวนี้ต้องน็อคคู่ต่อสู่ผู้บุกรุกได้แน่นอน มือกดเหนี่ยวไกกระบอกปืน ตุ้มๆ ลูกกระสุนพุ่งออกจากปากกระบอกปืนดิ่งตรงจวนจะถึงร่างกายของพระอาจารย์บุญเดชก็ได้พุ่งขึ้นข้างบนวิ่งข้ามศีรษะของพระอาจารย์บุญเดชไปหวุดหวิดพุ่งไปทางด้านหลังของพระอาจารย์บุญเดชไม่ได้เฉลียวใจในลูกกระสุนที่พุ่งข้ามศีรษะไป

ฝ่ายวิญญาณยักษ์เห็นเหตุการณ์อำนาจธรรมคุ้มครอง ดังนั้น ถึงกับตะลึงทิ้งกระบอกปืนลงแสดงสัญลักษณ์ให้ทราบ หมายถึงขอยอมแพ้ต่อพระอาจารย์บุญเดชทั้งที่ฝ่ายตรงข้ามยังมิได้ยิงกระสุนซักลูกโต้ตอบเลย “ยอมแพ้ ยอมแพ้แล้วท่าน ขอให้ท่านปฏิบัติธรรม ณ สถานที่นี้ได้เลย” ขณะนั้นลูกกระสุนที่ ๓ ของวิญญาณยักษ์ที่ยิงออกไปข้ามศีรษะพระอาจารย์บุญเดชได้วกกลับมาพุ่งตรงดิ่งเป้าหมายคือกลางแผ่นหลังของพระอาจารย์บุญเดช ปึ้ก พระอาจารย์บุญเดชรู้สึกเจ็บปวดขึ้นแต่ดีที่กระสุนไม่ได้ทะลุเข้าไปในแผ่นหลัง เมื่อวิญญาณยักษ์ตกลงยอมแล้วจากนั้นวิญญาณยักษ์ตนนั้นได้หนีลงไปภูลังกาไปหาสถานที่อื่นอยู่ใหม่ นิมิตนั้นก็หายไป

ครั้นรุ่งเช้าพระอาจารย์บุญเดชจึงได้สังเกตแผ่นหลังของท่านเอง เพราะรู้สึกเจ็บปวดเหลือเกิน ก็สังเกตเห็นว่าแผ่นหลังตรงกลางมีจุดแดงๆ ปรากฏว่าพระอาจารย์มีอาการทรุดเป็นไข้นานถึง ๗ วัน จึงหายเป็นปรกติ หลังจากนั้นจึงได้พำนักปฏิบัติ ณ ดินแดนภูลังกาได้อย่างสงบ อยู่ที่วัดภูลังกาได้ ๒ พรรษา ก็ได้เน้นการฝึกอบรมจิตอดอาหาร อดนอนอย่างอุกฤษฏ์สู้เอาความเป็นความตายหมายมั่นปั้นมือจะต้องพิชิตกิเลสในหัวใจลงให้ได้อย่างราบคาบ ให้มันสูญสลายจากจิตใจให้ได้ เพราะตราบใดจิตยังมีความเพียรฉันใดงานนั้นกิจกรรมนั้นต้องสำเร็จอย่างแน่นอน

ปรากฏว่า พระอาจารย์บุญเดชเจริญภาวนากายคตาสติพิจารณาดูร่างกายของตนก็ได้พิจารณา ดูท่อนกระดูกในร่างกายของตนเอง พิจารณานับกระดูกในร่างกายทีละข้อที่นิ้วมือนับได้ ๓ ท่อน จิตก็นับไล่กระดูกในร่างกาย สติตามกำกับรู้ตามจิตดูจิตนับกระดูกในร่างกาย ได้ครบ ๑๐๐ ท่อน ก็คัดแยกออกนำมากองแยกไว้ครั้งหนึ่งจิตพิจารณาโครงกระดูกในร่างกายได้ ๓๐๐ ท่อน เมื่อพระอาจารย์บุญเดชได้พิจารณาโครงกระดูกในร่างกายได้ ก็เกิดความมุ่งมั่นในการปฏิบัติทางจิตเพื่อให้จิตถึงธรรมเป็นที่มั่นใจว่าหนทางนี้คือหนทางแห่งมรรคสู่หนทางผลอย่างแน่นอน ในกาลข้างหน้า

แสดงความคิดเห็น

Leave a reply

โอวาทธรรมพระสุปฏิปันโน
Logo