เยือนนรกภูมิด้วยกายทิพย์

1

ความเคียดแค้นต่อกิเลสที่สุมแน่นในดวงจิตของท่านพระอาจารย์บุญเดช ท่านได้ตั้งสัจจะกับตนเองจะทำความพากเพียรอยู่ในสามอิริยาบถเท่านั้น ยืน เดิน นั่ง ขณะที่บำเพ็ญภาวนาอยู่นั้นก็ปรากฏว่า จะมีสัตว์ชนิดหนึ่งเป็นงูใหญ่มานอนเฝ้าพระอาจารย์บุญเดช ซึ่งทราบภายหลังว่า งูใหญ่นั้นก็คือ เชื้อสายตระกูลพญานาค พากันมาเฝ้าพระอาจารย์บุญเดชเพื่อให้เร่งบำเพ็ญเพียรอย่างเต็มที่ มิให้พวกญาติโยมมารบกวน ประกอบกับเฝ้าไม่ให้นอนหลับ เพราะพระอาจารย์บุญเดชได้ตั้งสัจจะอธิษฐาน จะทำความเพียรอยู่ใน ๓ อิริยาบถเท่านั้น ขณะนั้นท่านได้นั่งภาวนาอยู่บนศาลากุฏิ เนื่องจากธาตุขันธ์อ่อนกำลัง ถีนมิทธะเริ่มจะครอบคลุม หนังตาเริ่มจะหย่อนปิดในตา จู่ๆ ก็มีงูจงอางซึ่งมาคอยนอนเฝ้าอยู่ใต้กุฏิได้ชูหางจากพื้นดินขึ้นมาบนกุฏิบริเวณที่พระอาจารย์นั่งอยู่ พร้อมกับแหย่หางลงที่เอวของพระอาจารย์บุญเดชจนสะดุ้งรู้สึกตัวมานั่งสมาธิบำเพ็ญจิตต่อไปทันที บางวันนั่งภาวนามีหมอนอยู่ด้านหลังพระอาจารย์บุญเดช ท่านก็ไม่ได้ตั้งใจจะว่านอน แต่เนื่องจากธาตุขันธ์อ่อนกำลังไปมาก ไม่ได้หลับไม่ได้นอนมาหลายคืน ครั้นพอร่างกายเอนไปถูกกับหมอนก็เคลิ้มหลับสติขาดไป ยังไม่ถึงนาทีก็สะดุ้งตื่นขึ้นมากะทันหัน เมื่อรู้สึกว่ามีหางของงูตัวใหญ่ลำตัวเท่าเสาเรือนแหย่มาสะกิดที่เอวจึงตื่นขึ้นมาภาวนาต่อไป

พระอาจารย์บุญเดชเกิดความสงสัยใคร่รู้ถึงเรื่องจริงของแดนนรกภูมิ จึงได้เร่งภาวนาเพื่อพิสูจน์ให้รู้จริง บำเพ็ญจิตตภาวนาไปนิมิตเห็นหินอยู่ก้อนหนึ่ง จึงได้ไปยืนอยู่บนก้อนหินก้อนนั้นมองเห็นเป็นพวกมนุษย์เดินเรียงแถวติดตามกันไปเป็นลูกโซ่ ที่ข้อเท้ามีโซ่ติดทั้งผู้หญิงทั้งผู้ชายทั้งคนยากจนหรือมั่งมีล้นฟ้า ขณะมีชีวิตอยู่ในโลกมนุษย์ทุกคนเสมอภาคกันในดินแดนเหล่านี้ เนื่องจากอกุศลกรรมที่ตนได้สร้างไว้ นิมิตที่พระอาจารย์บุญเดชได้เห็นนี้ มีความแปลกประหลาดก็ตรงที่ว่า วิญญาณพวกมนุษย์ตายโหงจะมีบาดแผลเหวอะหวะตามเนื้อตามตัวไปหมดและจะมีผู้ควบคุมคอยกำชับดวงวิญญาณเหล่านี้ไว้โดยสั่งไม่ให้คุยกัน ห้ามหยุดเดิน ให้เดินเป็นแถวอย่างเดียว

ขณะนั้นพระอาจารย์บุญเดชยืนอยู่บนโขดหินมองไปยังเบื้องล่าง มองเห็นผู้คนมากมายเต็มไปหมด เดินเป็นสายติดต่อกันไป ยาวจนมองไม่เห็นหางแถว มองไปทางหัวแถว ผู้คนเหล่านี้เดินไปก็ยังไปเจอกับด่านตรวจบัญชีบาปบุญ วิญญาณแต่ละดวงก็เข้าไปรายงานตัวโดยมีโซ่ล่ามที่แขนที่ขาเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีบาปบุญได้ตรวจดูหามีดวงวิญญาณตนใดที่ยังไม่หมดอายุขัยจากโลกมนุษย์แต่ได้ประสบอุบัติเหตุตายโหงเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีก็จะนำดวงวิญญาณนั้นไปขังไว้อีกห้องๆ หนึ่ง โดยมีจ่ายมบาลเป็นผู้นำไปเพื่อรอการตัดสินในคราวถึงอายุขัยที่หมดจริงๆ ในโลกมนุษย์เสียก่อนจึงจะสามารถตัดสินคดีความบาปบุญเหล่านี้ได้ ถ้ายังไม่หมดอายุขัยก็ยังไม่สามารถตัดสินได้

พระอาจารย์บุญเดชได้พิจารณาดู ก็ได้ยินเสียงบอกออกมาให้ทราบถึงกรรมของเหล่าบุคคลในดินแดนเหล่านี้จะต้องได้รับ “คนชื่อ…ยังไม่หมดอายุขัย มันตายโหง รถพามันตายโหงเอาไปขังไว้ คนชื่อ… มันไปฉีดยา มันกินยาตาย อายุขัยมันยังไม่หมดเอาไปขังไว้” พระอาจารย์ได้ไปยืนดูบริเวณที่ตรวจบัญชีบาปบุญของเหล่าวิญญาณ เจ้าหน้าที่ตรวจถึงวิบากกรรมของวิญญาณแต่ละดวงก็จะถามขึ้น “เจ้าทำบุญอะไรมาบ้าง ทำบาปอะไรมาบ้าง”  วิญญาณเหล่านั้นก็จะบอกให้ทราบ หากบอกโกหกก็โกหกไม่ได้เพราะเจ้าหน้าที่มีบัญชีบาปบุญเป็นหลักฐาน เจ้าหน้าที่ควบคุมวิญญาณนุ่งผ้าโจงกระเบน มือถือค้อน ตะพด มีหนามแหลมคม หากวิญญาณตนใดดื้อรั้นไม่ยอมนั่งคุกเข่าในขณะตรวจบัญชีบาปบุญ จะถูกตีขา ตีแต่ละครั้งฟาดกระหน่ำลงไป วิญญาณร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดทรมานเป็นยิ่งนัก พวกวิญญาณตายโหงจะมีกลิ่นสาปเหม็นรุนแรง เจ้าหน้าที่ควบคุมวิญญาณจะเอาน้ำร้อนสาดลงไปที่ดวงวิญญาณ มีควันตลบอบอวนออกจากร่างของวิญญาณ เหลือแต่กระดูกขาวโพลน จากนั้นร่างของวิญญาณก็จะกลับมาอยู่ในรูปร่างของมนุษย์เหมือนเดิม “กลิ่นมันแรงมันตายโหง” พระอาจารย์กล่าวให้ทราบภายหลังมา “เป็นสิ่งที่น่ากลัว อย่าไปทำบาป ต้องมีศีลมีคุณธรรม”

ขณะที่พระอาจารย์บุญเดชพิจารณาดูวิญญาณเหล่านั้นได้รับกรรม ก็มีวิญญาณตนหนึ่งชี้มาที่พระอาจารย์บุญเดช บอกให้พระอาจารย์บุญเดชทราบว่า “ไปทางนู้นท่าน อย่ามาทางนี้ อย่ามาใกล้ทางนี้ ไปโน่น” พร้อมกับชี้บอกทาง พระอาจารย์บุญเดชรำพึง “ไปไหนหนอ” วิญญาณตนนั้นบอก “แต่ว่าท่านอย่าเข้าไปใกล้นะ”

จากนั้นพระอาจารย์บุญเดชได้เดินตามสถานที่ต่างๆ ที่เหล่าดวงวิญญาณต้องชดใช้กรรมต่างๆ เพื่ออยากสอบถามเจ้าหน้าที่ที่ดูแลดวงวิญญาณนี้ในแดนนรกภูมิพระอาจารย์บุญเดชอยากถามถึงยายของท่านที่เสียไปแล้ว “ยายกองที่ตายไปอยู่ไหน” พระอาจารย์บุญเดชถามเขาเพราะเนื่องจากไม่ทราบจะถามใครก็มีเจ้าหน้าที่มาบอกให้ทราบว่า “กลับมาค่อยถามไปดูทางโน้นก่อนหลวงพ่อ กลับมาค่อยดูถ้าอยากดู”

พระอาจารย์บุญเดชเดินไปตามที่เจ้าหน้าที่บอก ก็ไม่สามารถเดินเข้าไปข้างในได้เพราะข้างในนั้นมีความร้อนแรงมาก เห็นแต่โพรงไฟรุกบึ้มๆ จึงไปนั่งดูก็ได้มองเห็นช่องทางที่จะเข้าแต่ก็เข้าไม่ได้เพราะข้างในมันร้อนมาก มองเข้าไปเห็นแต่ไฟแรงๆคล้ายภูเขาไฟยิ่งใกล้ก็ยิ่งร้อนมากเข้าไปไม่ได้ นี่แหละที่เขาเรียกว่าหม้อนรกหรือขุมนรกที่คนตกนรก บ่อนั้นเป็นขุมใหญ่มหึมา เป็นสถานที่ลงทัณฑ์มนุษย์ผู้สร้างบาปกรรมไว้ในขณะที่เป็นมนุษย์ จึงได้รับกรรมในสถานที่แห่งนี้ และบริเวณใกล้ๆ ขุมนรกบ่อนี้จะเป็นขุมนรกที่ลงโทษวิญญาณ พระภิกษุสามเณร โดยเฉพาะที่พระอาจารย์บุญเดชสังเกตเห็น จะเห็นผ้าจีวรถูกแขวนไว้ที่ราวบนเหนือขุมนรกผ้าจีวรถูกปลดเปลื้องออกจากดวงวิญญาณ ดวงวิญญาณก็ถูกลงทัณฑ์ในขุมนรกผ้าจีวรนั้นถูกทับถมวางไว้เหนือขุมนรกมีจำนวนมากมายก่ายกองจะนับก็ประมาณรถบรรทุกสิบล้อ ๓ คัน

ภาพที่พระอาจารย์บุญเดชเห็นพระภิกษุผู้ทุศีลได้รับลงโทษทัณฑ์ในขุมนรกนั้นดิ้นทุรนทุรายในขุมนรก ได้รับทุกขเวทนาโหยหวนไม่มีผิดแผกแตกต่างไปจากขุมนรกที่ผ่านมา พระอาจารย์บุญเดชได้เห็นดังนั้นก็เกิดความรู้สึกเย็นวาบเข้าสู่ดวงจิตจึงได้ตั้งสติเตือนตนเอง “อย่าได้ทำบาป” เดินไปไหนก็มีแต่ความรู้สึกเย็นอยู่ในจิตใจตลอดเวลาเดินเที่ยวชมดินแดนต่างๆ ในนรกภูมิ สักพักก็ได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่มาบอก “หลวงพ่อครับกลับนะ ยายหลวงพ่อไปเกิดแล้ว” พระอาจารย์บุญเดชเพียงอยากรู้ว่ายายไปเกิดหรือยังและอานิสงส์ที่บวชให้ยายนี้ ยายได้รับไหม เจ้าหน้าที่ดวงวิญญาณมาบอกให้ทราบก่อน พร้อมบอกให้ทราบ “คราวหน้าค่อยมาใหม่ ถ้าอยากดู แต่เที่ยวนี้ไม่มีเวลาพาไปชม เพราะช่วงนี้มีคนตกขุมนรกเป็นจำนวนมาก ส่วนอานิสงส์ที่หลวงพ่อบวชให้นั้นยายได้รับแล้ว เสื้อผ้าที่หลวงพ่ออุทิศให้ก็ได้รับแล้ว ยายไปเกิดแล้วไปเกิดในสถานที่ดีกว่าเก่าอยู่นะไปเกิดเป็นลูกคนรวย”

เจ้าหน้าที่ไมได้บอกรายละเอียดมากไปกว่านี้ว่าไปเกิดที่ไหนอยู่กับใคร ดวงวิญญาณที่ตายไปในสมัยที่เป็นมนุษย์ได้ทำกรรมต่างๆ ไว้ ได้ไปตรวจบัญชีบาปบุญกับเจ้าหน้าที่ ณ ดินแดนนี้ ต้องมาตัดสินคดีความที่นี่ หากดวงวิญญาณได้ทำแต่ความดีไว้มาก เจ้าหน้าที่ตรวจบัญชีบาปบุญก็จะปรากฏว่าดวงวิญญาณตนนั้นจะเหาะลอยขึ้นสู่เบื้องบน เหาะขึ้นไปยังเบื้องบนสู่สรวงสวรรค์หรืออาจจะเกิดมาในเมืองมนุษย์ตามกรรมที่สร้างไว้ที่มีความจำแนกแจกจ่ายต่างกันออกไป วิญญาณใดที่ทำชั่วไว้ในขณะเป็นมนุษย์ ครั้งธาตุขันธ์แตกสลายลงไป เจ้าหน้าที่ตรวจบัญชีบาปบุญก็จะจำแนกเป็นชั้นๆ ของจำพวกวิญญาณ อย่างสมัยเป็นมนุษย์อยู่ในโลก ฆ่าหมูก็จะร้องเสียงเหมือนหมู ฆ่าควายก็จะร้องเสียงเหมือนควาย พอตัดสินคดีความบาปบุญกันเรียบร้อย ดวงวิญญาณนั้นก็จะถูกนำไปกักขัง ก็จะมีพวกวิญญาณเจ้ากรรมนายเวร อาทิ วิญญาณหมู วิญญาณควายมาปรากฏตัวให้เห็นพร้อมกับมาชี้หน้าบอก “นี่แหละ คนนี้แหละที่ฆ่าเรา” จะโกหกเขาก็ไม่ได้ เพราะมีวิญญาณเจ้ากรรมนายเวรมาเป็นพยานชี้ชัดด้วยตนเอง

เหตุการณ์ดังนี้เจ้าหน้าที่วิญญาณก็จะสามารถตัดสินคดีความได้ง่าย จากนั้นก็นำวิญญาณดวงนั้นๆ ไปรับยังขุมนรกที่จำแนกกันออกไป ส่วนจำพวกวิญญาณที่ทำบุญให้ทาน รักษาศีล เจริญถาวนาจะมีบันไดมาคอยรับรอง จากนั้นก็พากันเดินไปสู่ดินแดนสรวงสวรรค์ ขณะที่พระอาจารย์บุญเดชได้ชมแดนนรกอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงดังเอะอะโวยวายดังลั่นของจำพวกวิญญาณที่ถูกคุมขังพูดคุยกันเสียงดัง

การตัดสินคดีความชดใช้กรรม วิญญาณจะถูกนำตัวลงไปในขุมนรก ซึ่งเต็มไปด้วยน้ำเดือดๆ ไฟลุกโชติขึ้นเหนือน้ำแล้วเผาร่าง วิญญาณก็ดับมอดลงแล้วก็เป็นกระดูก จากนั้นก็จะกลายเป็นรูปร่างเหมือนมนุษย์เหมือนเดิม เสียงร้องร่ำไห้โหยหวนทุกข์ทรมานออกมาจากขุมนรกอย่างพระทุศีล ประพฤติผิดศีลธรรม ก่อนที่จะถูกเจ้าหน้าที่นำร่างเข้าสู่ขุมนรกที่เต็มไปด้วยน้ำเดือดๆ ไฟลุกโชติตลอดเวลา เจ้าหน้าที่ก็จะต้องทำการเปลื้องผ้าจีวรออกก่อน ให้เหลือแต่กายล่อนจ้อนเพราะผ้ากาสาวพัสตร์ไม่ตกขุมนรกตามดวงวิญญาณนั้นๆ

กายทิพย์พระอาจารย์บุญเดช ได้เที่ยวชมขุมนรก ได้รู้เห็นถึงการรับกรรมอกุศลบาปกรรมต่างๆ ของมนุษย์ที่ต้องมาชดใช้กรรมยังสถานที่แห่งนี้เป็นเวลาอันสมควร จึงได้กลับเข้าสู่ร่างกายเนื้อดังเดิม ได้มาตรวจดูเวลาก็ได้ทราบว่ากินเวลาถึงหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆ พระอาจารย์บุญเดชเล่าให้ทราบว่า “หม้อนรกพระนี่ใหญ่มาก ของโยมก็มาก แต่อยู่อีกส่วนหนึ่ง (คนละฝั่ง) เป็นขุมใหญ่มองเห็นแต่ไกล เพราะเข้าใกล้ไม่ได้”

พระอาจารย์บุญเดชยืนดูจากที่สูงมองลงไปก็เห็นเป็นขุมลึก เนื้อที่ประมาณหนึ่งหมื่นไร่เป็นขุมลึกลงไป ไฟก็เทียวลุกเทียวดับ คนตาย (ตามอายุขัย) กับวิญญาณตายโหงจะแตกต่างกัน ผู้คนที่ตายแบบเจ็บไข้ได้ป่วย ตายตามธรรมชาติจะไม่มีโซ่ล่ามขาแขน ยกเว้นพวกวิญญาณตายโหงจะมีโซ่ล่าม วิญญาณอีกกลุ่มหนึ่งจะถูกเจ้าหน้าที่ปล่อยวิญญาณออกมาจากถุง เนื่องจากเป็นวิญญาณเร่ร่อน เจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่ควบคุมวิญญาณไปตามจับมาได้จากโลกมนุษย์ แล้วจะนำมาใส่ถุงไว้พอมาถึงดินแดนนรกภูมิพอเปิดถุงออก วิญญาณก็แตกกระจายออก ถ้าหากนับเป็นจำนวนก็ประมาณหลายรถบรรทุกสิบล้อ

แสดงความคิดเห็น

Leave a reply

โอวาทธรรมพระสุปฏิปันโน
Logo