จำนวนญาติโยมที่มาช่วยงานมีจำนวนนับเป็นร้อยๆ คนต่อวัน วันใดฝนตกการก่อสร้างไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้เพื่อเป็นการดึงศรัทธาสร้างความผูกพันระหว่างพระสงฆ์กับชาวบ้าน พระอาจารย์บุญเดชจึงได้อาศัยเวลาในช่วงนี้อธิบายธรรมะบ้างก็ร้องสรภัญญะให้ญาติโยมฟัง ญาติโยมก็ติดอกติดใจชื่นชมศรัทธา ในตัวพระอาจารย์บุญเดช หนึ่งในจำนวนญาติโยมทั้งหลายนั้น พระอาจารย์บุญเดชได้เกิดความรู้สึก พึ่งพอใจสาวนางหนึ่ง หญิงสาวผู้นั้นก็แอบชื่นชมในตัวพระอาจารย์บุญเดชเช่นเดียวกัน ต่างแอบเก็บความรู้สึกข้างในที่มีต่อกันไว้ในใจวันหนึ่งหญิงสาวซึ่งมีบิดาเป็นเชื้อสายไทย-จีน เป็นคนจังหวัดจันทบุรีมารดาเป็นชาวเขมร ได้มาพร้อมกับเพื่อนหญิงสาว
ขณะที่พระอาจารย์บุญเดชก็มีสหธรรมิกร่วมอยู่ด้วยหนึ่งรูป หญิงสาวเชื้อชาติไทย-จีนกัมพูชา ได้เล่าถึงชีวิตที่ผ่านมาของครอบครัวให้พระอาจารย์บุญเดชรับทราบ โดย ก่อนหน้านั้น พระอาจารย์บุญเดชได้เล่าถึงชีวิตเกี่ยวกับความทุกข์ของตนเองถึงเหตุการณ์ชีวิตที่ผ่านๆ มาจนจบ ก็คิดถึงความทุกข์ที่ผ่านมานี้คิดว่าคงจะไม่มีใครเท่าเทียมตน แต่ที่ไหนได้ภายหลังจากที่พระอาจารย์บุญเดชได้มีโอกาสรับทราบถึง ชีวิตของหญิงสาวเชื้อสายไทย-จีนกัมพูชาผู้นี้ซึ่งมีรูปร่างบึกบีน สวยงาม ขนตางอน ผิวขาวจมูกคมเป็นสัน มองดูหน้าทีใดเหมือนมีพลังไฟฟ้าสะท้านเข้าสู่หัวใจ หญิงสาวผู้นี้ได้เล่าถึงชีวิตของตนให้พระอาจารย์บุญเดชได้รับทราบใจความว่า “เรื่องทุกข์ของท่านนี่ไม่ได้ครึ่งหนึ่งของหนู หนูจะเล่าประวัติของหนูให้หลวงพี่ฟัง พ่อหนูเป็นคนจันทบุรีมีเชื้อไทย-จีน แม่เป็นคนเขมร พ่อชอบกันกับแม่จึงได้ไปอยู่ที่เขมร พ่อก็ได้ประกอบอาชีพขุดเพชรขุดพลอยจนมีลูกด้วยกัน ๓ คน ต่อมาเกิดสงคราม เขมรรบกัน ได้มีระเบิดลงเรือน พ่อก็มีเหรียญหลวงปู่สมชายโดยมีตำรวจตระเวนชายแดนมอบให้ ช่วงที่พ่อมาซื้อของอยู่ชายแดน หนูได้อธิษฐานจิต ถ้าหนูรอดพ้นอันตรายต่างๆ หนูจะหาโอกาสไปกราบหลวงปู่ให้ได้ พอระเบิดลงบ้านหนู พ่อนั้นขาขาดทั้งสองข้างแต่ยังไม่ตาย ยังพูดได้สะเก็ดระเบิดติดตามตัวไปหมด จึงเหลือน้องอีกคนอายุ ๗ ปี พ่อจึงสั่งว่าพ่อมีญาติพี่น้องอยู่จันทบุรีให้หนูเดินทางเข้าเมืองไทยให้ไปจันทบุรีไปหาคนผู้นั้น ผู้นี้นะ หนูก็จดชื่อไว้เป็นภาษาจีนผสมภาษาไทย แล้วห่อลงในกระดาษแก้วยาสูบกันน้ำเข้า แล้วพกไว้ในตัวหนูได้นำพลอยติดตัวมาด้วยสองก้อน ก้อนหนึ่งราคาประมาณร่วมหนึ่งร้อยล้านบาทอีกก้อนราคาประมาณร่วมหนึ่งร้อยสามสิบล้านบาท หนูจึงตัดสินใจผ่าตัดฝังไว้ในเนื้อแขนทั้งสองข้างเลย”
พระอาจารย์บุญเดชได้ฟังก็ได้แต่นึกในใจ “โอ้ เราก็ว่าเราทุกข์แล้ว เธอยัง ทุกข์กว่าเราอีกหรือนี่” หญิงสาวได้เล่าเรื่องราวให้พระอาจารย์บุญเดชทราบต่อไป
“นั่นแหละหลวงพี่คือทุกข์ครั้งแรกที่สุด ตอนพ่อตายร้องไห้ไม่ได้ ก่อนพ่อตายก็บอกให้เอาปืนมา ต้องพาแม่พาน้องกลับเมืองไทยให้ได้ กลับเดี๋ยวนี้ พอสั่งเสียแล้วพ่อก็ตายหนูจึงได้นำพลอยใส่กระเป๋าติดมาด้วยอีกจำนวนหนึ่ง หนูเป็นคนแบกน้องอายุ ต ขวบออกมา น้องถูกยิง แต่ก็ยังฝืนใจยิ่งต่อสู่กับพวกทหารเขมร และพวกทหารเขมรก็ไล่ยิงตามมาติดๆ ผู้คนมาด้วยกันร้อยกว่าชีวิต หนูอธิษฐานหยิบดินใส่หัวระลึกถึงหลวงป (หลวงปูสมชาย) ขณะวิ่งหนีถูกระเบิด น้องของหนูอยู่บนคอไม่เป็นไร แต่ว่าแม่ของหนูนั้นคอขาด หนูไปกอดแม่ น้องก็นั่งยิงสู้กับทหารเขมรยิงอย่างเดียว เพราะน้องถูกฝึกมา ตั้งแต่เด็ก หนูจึงได้นำพลอยจากแม่มาใส่กระเป๋าตัวเอง ใส่กระเป๋าน้องด้วย ทองไม่เอาเอาแต่พลอยตรานก ลูกระเบิดลงผู้คนก็ล้มตายกันมาก แม่หนูก็ตาย เพราะโดนระเบิด ดักหน้าใครหมอบทันก็ทันปืนในมือน้องน้องยิงสู้ใกล้เข้าสู่เขตแดนไทยบริเวณโป่งน้ำร้อนสถานการณ์ตอนนั้นดุเดือด ระเบิดลงครั้งที่๒ ก็หลบก็เหลียวมองดูน้องก็ปรากฏเห็น น้องยิงปืนอยู่ต่อสู้กับพวกทหารเขมร แต่ปรากฏว่าที่คอไม่มีหัวแล้ว ยิงปืนรัวค้างไปเลยทหารเขมรตาย ๕ คน ขนาดไม่มีศีรษะยังสู้ได้ถึง ๕ คน
พระอาจารย์บุญเดชได้นั่งกำหนดจิตฟัง ก็เห็นเป็นภาพขึ้นมาเด่นชัด เกิดอาการขนพองสยองเกล้า เหลือเพียง ๑๓ คนเท่านั้นที่สามารถข้ามมาถึงฝั่งแคนประเทศไทยได้ ก็มาถูกพวกด่านตรวจค้นเอ่าพลอย เอากระเป๋าไปหมด จะซุกซ่อนเอาไว้ในซอกไหนพวกเขาก็ตรวจค้นเอาไปหมด หญิงสาวก็ได้เล่าเหตุการณ์จนจบ ก่อนจะกลับหล่อนได้เขียนหนังสือลงในกระดาษแผ่นเล็กๆ ทิ้งไว้ให้พระอาจารย์บุญเดชใจความว่า
“สมบัติในตัวหนูมีมูลค่าประมาณ ๒๐๐ ล้านบาท ถ้าแต่งงานกันก็ไม่มีทุกข์ก็แล้วกัน” ทิ้งปริศนาให้พระอาจารย์บุญเดชคิดวิตกในเรื่องการออกมาสร้างครอบครัว ฝ่ายหญิงสาวนั้นได้ไปพักอยู่ในค่ายศูนย์อพยพชาวเขมร
พระอาจารย์บุญเดชได้ทราบความรู้สึกในใจของหญิงสาวที่มีต่อตัวท่าน จึงได้นำเรืองนี้เข้าปรึกษาหลวงปู่ท่านก็เมตตาอบรม “เขารักเราก็ดี ตัวสำคัญเราอย่าไปรักเขาสู้ไปภาวนาไป” หลวงปู่สมชายท่านก็ได้เทศน์เรืองชีวิตในเพศบรรพชิตของท่านให้ฟังเป็นปริศนา “มีทางเดียวคือหนี ตอนนั้นมีสาวบ้านโพธิ์หมากแข้งมารักเรา เราก็หนีไปอยู่ก้อยน้ำอ้อยกับหลวงปู่ผ่าน ซึ่งเคยอยู่กับ หลวงปู่มัน (ภูริทัตโต) ด้วยกันมาก่อน” จิตของพระอาจารย์บุญเดชได้เกิดความรักในตัวหญิงสาวนั่นโดยไม่ทราบว่า นี่หรือคือความรักที่เขาเรียกขานทางสมมติ พระอาจารย์บุญเดชกำหนดจิตภาวนา องค์บริกรรม พุทโธๆ แต่จิตหากลับได้เป็นอารมณ์หนึ่งอารมณ์เดียว จดจ่อในองค์ภาวนาก็หาไม่จิตถวิเห็นแต่หน้าหญิงสาว ก่อนที่หญิงสาวจะเดินทางกลับ พระอาจารย์บุญเตชจึงได้ทดสอบลองใจหญิงสาว “อ้าว ถ้าเจ้ารักเราจริงๆ เจ้ากล้าเดินกลับมาไหม? “ภายหลังกลับเขตโป่งน้ำร้อนจะข้ามเขตแดนต่างๆ จะมีด่านตรวจคนเข้าเมือง ผู้คนจะผ่านเข้าออกได้ต้องมีบัตรอนุญาตข้ามเขตแดน หญิงสาวก็ไม่มีบัตรแต่ต้องการ พิสูจนถึงรักแท้ที่มีต่อหลวงพี่บุญเดชจำต้องตัดสินใจเดินข้ามป่าภูเขาผ่านดงเสือสัตว์ร้ายนานาชนิดมือถือเอ็ม ๑๖ ติดตัวมา๑ กระบอก เดินข้ามป่าข้ามเขา ๓ วัน ๓ คืน จนสามารถเดินมาถึงวัดเขาสุกิม ขณะเวลานั้นพระอาจารย์บุญเดชออกรับบิณฑบาต ถึงกับยืนตัวแข็งที่อมือไม้อ่อนขาอ่อน เมื่อได้พบหน้าหญิงสาวที่เดินทางมาเพื่อแสดง ถึงความรักที่มีต่อหลวงพี่ที่ตนรัก เนื่องจากจิตใจหญิงสาวมีความพึงพอใจในตัวพระอาจารย์บุญเดช เพราะก่อนที่บิดาจะเสียชีวิตได้เคยสอนตำราการดูโหงวเฮ้งให้
“โอนี่หรือเขาเรียกความรัก ความรักคือความหลง รักกับหลงไม่กลัวตายขอเพียงได้พบหน้า” ภาพหญิงสาวยังติดตราตรึงอยู่ในดวงจิตของพระอาจารย์บุญเดชอยู่ตลอดเวลา โอ้หนอความรัก ใครไม่ประจักษ์ก็ย่อมไม่รู้คุณค่า มันยิงใหญ่เหนือใดๆ มีอำนาจพลังทำทุกอย่างได้ด้วยแรงแห่งรัก หากปล่อยจิตให้เป็นเช่นนี้ เห็นทีการดำรุงเพศพรหมจรรย์เป็นได้ยาก ลำบาก จิตไม่สงบ จิตฟุ้งซ่าน พระอาจารย์บุญเดชจึง ตัดสินใจกราบเรียนกับหลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย ขณะนั้นงานทางการก่อสร้างต่างๆ ก็เสร็จสิ้นลงแล้ว ท่านหลวงปู่สมชายจึงได้กำหนดจิตแล้ว ใช้ฝ่ามือห้านิ้วตบตั้งลงไป ยังกลางแผ่นหลังของพระอาจารย์บุญเดชจนสะเทือนเข้าไปถึงในหัวใจ จากนั้นระอาจารย์บุญเดชจึงได้เกิดความรู้สึกว่าภาพนิมิตที่ติดตราตรึงในหัวใจนั้นได้ทะลุออกไปหลังจากนั้น พระอาจารย์บุญเดชจะหลับตาภาวนาก็ไม่ปรากฏภาพหญิงสาวตางอนคนนั้นอีกเลย ฝ่ายหญิงสาวก็เช่นกัน ภาพที่เห็นแต่หน้าหลวงพี่บุญเดชก็หายไปจากห้วงกระแสจิต เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้การภาวนา ณ วัดเขาสุกิม คงไม่สงบแน่นอนพอได้สติจึงจัดแจงเก็บอัฐบริขาร กราบนมัสการลาพ่อแม่ครูบาอาจารย์จากวัดเขาสุกิมภายหลังออกพรรษาแล้วจึงออกวิเวกสู่ขุนเขาป่าดงพงไพรเช่นเดิม มุ่งสู่อาณาเขต ขุนเขาป่าภูวัวลำพังผู้เดียว จิตใจเคียดแค้นต่อกิเลสตัณหาราคะเป็นยิ่งนัก